top of page
รูปภาพนักเขียนPpoong

สัมผัสพลังของน้ำมันนวดเพื่อความผ่อนคลายที่เหนือชั้น

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การนวดผ่อนคลาย นวดแก้อาการปวด หรือแม้แต่นวดทางการแพทย์สมบูรณ์แบบ นั่นคือ "น้ำมันนวด" หลายคนอาจสงสัยว่าน้ำมันนวดคืออะไร มีประเภทไหนบ้าง เหมาะกับการนวดประเภทใด มีคุณสมบัติอะไร และน้ำมันนวดชนิดไหนที่น่าสนใจสำหรับใช้ในบ้าน วันนี้ Massage Near Me Bangkok ขอพาทุกท่านไปไขข้อสงสัยเหล่านี้กัน!


The power of massage oil blog post cover

น้ำมันนวดคืออะไร?

น้ำมันนวด เปรียบเสมือนผู้ช่วยที่ทำให้การนวดผ่อนคลายลงตัว ช่วยลดแรงเสียดทานของผิวและแรงนวด เพิ่มความลื่นไหล ทำให้การนวดเป็นไปอย่างราบรื่น รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น โดยน้ำมันนวดสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้

  • Carrier oils หรือ น้ำมันจากพืช: สกัดจากธรรมชาติ มีทั้งแบบสกัดร้อนและเย็น ให้ประโยชน์แตกต่างกัน พืชผลที่นิยมนำมาสกัด เช่น มะพร้าว ทานตะวัน อัลมอนด์ โจโจ้บา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ


  • Essential Oils หรือ น้ำมันหอมระเหย: สารสกัดเข้มข้นจากพืชที่มีกลิ่นเฉพาะตัว มีคุณสมบัติทางยา สามารถรักษา และบำบัดอาการต่าง ๆ ได้ โดยใช้กลิ่นที่ได้จากการสกัดมาสร้างความผ่อนคลาย และกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว ตัวอย่างสารสกัดยอดนิยม เช่น ลาเวนเดอร์ คาโมมายล์ ยูคาลิปตัส


  • Blended Oils หรือ น้ำมันผสม: เป็นการผสมน้ำมันจากพืช น้ำมันหอมระเหย และตัวยาบางชนิดลงไป เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ หรือเพื่อผลประโยชน์ทางการแพทย์บางอ เช่น น้ำมันนวดกล้ามเนื้อ กระตุ้นกล้ามเนื้อ คลายเครียดl


  • Warm massage oils หรือ น้ำมันนวดแบบร้อน: คือน้ำมันจากพืชที่ต้องทำให้ร้อน หรืออุ่นก่อนนำไปทำการนวด ซึ่งคล้ายกับการใช้ลูกประคบร้อน หรือนวดหินร้อน (hot stone massage) ความร้อนนี้จะช่วยให้น้ำมันทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น น้ำมันที่ร้อนขึ้นจะสามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ปวด หรือตึงได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ด้วย น้ำมันยอดนิยม เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา



แล้วจะเลือกน้ำมันนวดอย่างไรให้เหมาะกับเราที่สุดล่ะ?

เราเชื่อว่าการเลือกน้ำมันนวดให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคนนั้นช่างเป็นเรื่องยาก เนื่องจากน้ำมันนวดนั้นก็มีอยู่หลากหลายประเภทให้เลือก ไหนจะเรื่องของคุณสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละประเภทอีก แต่คุณไม่จำเป็นต้องกังวลไป เพราะการเลือกใช้น้ำมันนวดมีหลักเพียง 3 ข้อเท่านั้น


  1. จุดประสงค์ในการใช้งานของคุณคืออะไร: หากจุดประสงค์หลักของคุณคือการคลายความเครียด คุณควรเลือกใช้น้ำมันนวดที่มีกลิ่นหอมที่มีคุณสมบัติลดความเครียด แต่ถ้าคุณต้องการใช้น้ำมันนวดเพื่อคลายปวดล่ะก็คุณควรเลือกใช้น้ำมันนวดที่มีคุณสมบัติช่วยคลายเส้นอย่างน้ำมันนวดแบบผสม

  2. สภาพผิวของคุณเป็นอย่างไร: ข้อนี้ไม่ยากเลย หากคุณเป็นคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือไวต่อสารเคมี คุณควรเลือกน้ำมันนวดที่ไร้กลิ่น หรือได้รับการทดสอบว่าไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่อย่างไรก็ตามคุณควรทดสอบน้ำมันนวดก่อนการใช้งานทุกครั้ง โดยทาไว้ที่บริเวณใต้ท้องแขนอย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนการใช้งาน

  3. กลิ่นที่คุณชอบเป็นแบบไหน: อย่างที่เราทราบกันดีว่ากลิ่นนั้นเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีในการผ่อนคลาย รวมถึงกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ หรือวิงเวียนได้ ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้น้ำมันนวดที่ได้กลิ่นมาจากธรรมชาติเท่านั้น และหลีกเลี่ยงน้ำมันนวดที่ใช้กลิ่นสังเคราะห์


และเมื่อคุณพิจารณาจากหลักทั้งสามข้อนี้แล้ว การเลือกใช้น้ำมันนวดของคุณก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น! และเพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น เราขอพาคุณไปรู้จักกับน้ำมันนวดแต่ละประเภทให้มากยิ่งขึ้น


Carrier oils หรือ น้ำมันจากพืช

Coconut oil

น้ำมันมะพร้าว (Coconut oil): ตัวเลือกยอดนิยมที่สกัดได้จากเนื้อมะพร้าว มีทั้งแบบสกัดร้อน และสกัดเย็น โดยตัวที่ไดเรับความที่นิยมที่สุดนั้นคือแบบสกัดเย็นหรือที่เรียกว่า Virgin coconut oil


น้ำมันมะพร้าวนั้นซึมซาบง่าย ไม่ทิ้งความเหนียวไว้บนผิว และยังอุดมไปด้วยกรดไขมันดี ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิว รวมถึงมีวิตามิน E ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ antioxidant ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นยิ่งขึ้น และดูอ่อนเยาว์ด้วย





น้ำมันสวีทอัลมอนด์ (Sweet Almond Oil): น้ำมันเนื้อเบา ซึมซาบเร็ว ไม่ก่อให้เกิดความเหนอะบนผิวขณะใช้ โดยน้ำมันตัวนี้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน A, B1, B2, B6, E และกรดโอเลอิก ที่เหมาะอย่างมากกับการใช้เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า เมื่อใช้จะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น แลดูอ่อนเยาว์ ผิวดูเปล่งปรั่งมากขึ้น นอกจากนี้เจ้าน้ำมันตัวนี้ยังช่วยปลอบประโลมอาการแพ้ของผิวได้ด้วย 


ข้อควรระวัง: เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากถั่ว ผู้ที่แพ้ถั่วควรหลีกเลี่ยงในการใช้งาน หรือปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้งาน


Jojoba oil

น้ำมันโจโจบา (Jojoba Oi): น้ำมันสกัดจากเมล็ดโจโจบา ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อุดมไปด้วยวิตามิน E และ B นอกจากนี้น้ำมันโจโจบานั้นยังมีความใกล้เคียงกับน้ำมันบนผิวของเราด้วย ดังนั้นจึงสามารถช่วยเติมน้ำให้กับผิวที่ขาดน้ำ หรือผิวที่แห้งได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวของเราดูสุขภาพดีขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจเลยทีเดียว


ในทางเทคนิคแล้ว น้ำมันโจโจบาไม่ได้จัดว่าเป็นน้ำมัน แต่เป็นแว็กซ์ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นสูง

Argan oil

น้ำมันอาร์แกน (Argan Oil): สกัดจากผลอาร์แกนที่เต็มไปด้วยวิตามิน E กรดไขมันโอเมก้า 9 และ 6 ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีให้แก่ผิว น้ำมันนี้สามารถเติมน้ำให้แก่ผิวได้ จึงทำให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้ เจ้าตัวนี้จึงเหมาะกับผิวแพ้ง่ายด้วยนะ


น้ำมันมะกอก (Olive Oil): อีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมที่ราคาไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย มันเต็มไปด้วยวิตามิน A, D, K, E ที่มีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดแบคทีเรียที่เป็นจัวก่อให้เกิดสิว  แต่เจ้าตัวนี้ก็อาจมีข้อเสียที่หลายคนไม่ชอบนั่นก็คือมันมีกลิ่นที่แรง และก็ยังทิ้งความมันบนผิวไว้เยอะมาก อาจทำให้รู้สึกไม่สบายผิวได้

Grapeseed oil

น้ำมันเมล็ดองุ่น (Grapeseed Oil): เจ้าตัวนี้เป็นน้ำมันนวดที่มีเนื้อบางเบามาก ทำให้มันซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อุดมไปด้วยวิตามิน E แทนนิน ไตรกลีเซอไรด์ กรดไขมันไม่อิ่มตัว และกรดไลโนเลอิก ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ และยังช่วยปกป้องคอลลาเจนบนชั้นผิวอีกด้วย เรียกว่าเป็นน้ำมันที่จิ๋วแต่แจ๋วเลยทีเดียว


น้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower Oil): น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดของดอกทานตะวันที่อุดมไปด้วยวิตามิน A, D, E และกรดไขมันไม่อิ่มตัวประเภทไลโนเลอิก มีค่าอุดตันเป็น 0 เจ้าตัวนี้เลยเหมาะอย่างมากสำหรับคนผิวแพ้ง่าย แต่ยังต้องการใช้น้ำมันนวดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว


สำหรับผิวแห้ง

สำหรับผิวปกติ

สำหรับผิวผสม

สำหรับผิวแพ้ง่าย


Essential Oils หรือน้ำมันหอมระเหย

Lavender essential oil

ลาเวนเดอร์ (Lavender Essential Oil): น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์นอกจากจะเป็นที่นิยมในการใช้เพื่อคลายความเครียดแล้วนั้น ยังอุดมไปด้วยคุณสมบัติทางยา ไม่ว่าจะเป็นฤทธิ์ลดความวิตกกังวล ต้านการอักเสบ ยาต้านจุลชีพ รวมถึงคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (คุณสามารถอ่านรายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ได้ที่นี่)


คาโมมายล์ (Chamomile Essential Oil): เราอาจจะคุ้นชินกับคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยคาโมมายล์ที่ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนอนหลับยาก แต่มันมีคุณสมบัติมากกว่านั้น ตั้งแต่ช่วยปลอบประโลมผิวจากการอาการแพ้, ต่อต้านอนุมูลอิสระ จนไปถึงต้านการอักเสบที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย



เปปเปอร์มิ้นท์ (Peppermint Essential Oil): นอกจากกลิ่นหอมเย็น ๆ ที่ช่วยให้เราสดชื่นแล้วนั้น น้ำมันหอมระเหยสาระแหน่ยังมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ อาการอักเสบ อาการคัน รวมถึงบรรเทาอาการแมลงกัดต่อยด้วย 


ยูคาลิปตัส (Eucalyptus Essential Oil): คุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยยูคาลิปตัสไม่ได้มีเพียงทำให้เราหายใจได้สะดวกขึ้นเท่า แต่ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นอีกด้วย จากการศึกษาพบว่ามันอาจเพิ่มการผลิตเซราไมด์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนที่เกิดจาก UVB อีกด้วย (อ่านรายงานผลการวิจัยได้ที่นี่)


มะกรูด (Bergamot Essential Oil): กลิ่นอันมีเอกลักษณ์ของมะกรูดนอกจากจะช่วยให้สดชื่น ยังมีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สมานแผล และคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้มันสามารถรักษาสิว หรือแผลเล็ก ๆ บนผิวหนังได้


Cedar essential oil

ซีดาร์ (Cedarwood Essential Oil): นอกจากช่วยในเรื่องคลายเครียดแล้วนั้น น้ำมันหอมระเหยซีดาร์ยังมีประโยชน์ต่อผิวอีกด้วย ทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านเชื้อรา และต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถรักษาผิวที่ระคายเคือง หรือสิวได้


กุหลาบ (Rose Essential Oil): มันสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดได้ รวมถึงช่วยคลายความวิตก และความเครียดได้ ซึ่งมักนำมาใช้ร่วมกับน้ำมันนวดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนวด และเพื่อการผ่อนคลายที่ดียิ่งขึ้น


ทีทรี (Tea Tree Essential Oil): นอกจากจะมีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวแล้ว มันยังช่วยให้ผิวเกิดการผ่อนคลาย และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ด้วย


เพิ่มประสิทธิภาพการนวดด้วยการผสม Carrier Oil กับ Essential Oil

โดยทั่วไปจะแนะนำให้ผสม Essential Oil ประมาณ 2% ของปริมาณ Carrier Oil ตัวอย่างเช่น หากใช้ Carrier Oil 30 ml. ให้ผสม Essential Oil ประมาณ 0.6 ml. หรือเทียบเท่ากับ 12 หยด


Essential oil dilution chart

บทความนี้ เราได้พาคุณไปรู้จักกับน้ำมันนวดหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกัน เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณเลือกน้ำมันนวดที่ใช่ ตรงกับความต้องการ และเติมเต็มประสบการณ์การนวดของคุณให้สมบูรณ์แบบ


ในบทความหน้า เราจะพาคุณไปรู้จักกับน้ำมันนวดแบรนด์ไทยที่น่าสนใจ และเหมาะกับการใช้ภายในบ้านด้วย

 

Credits:





bottom of page